เกี่ยวกับบริษัทเทียนส์

ที่ตั้งของเทียนส์ทั่วโลก <<<Click>>>

โรงงานของ TIENS ในต่างประเทศทั่วโลก

บริษัทมีความมั่นคงสูงมาก ในต่างประเทศเปิดมาแล้ว 15 ปี (ในประเทศไทยเพิ่งเริ่มต้น)

(จัดงานฉลองครบรอบ 15 ปี ในต่างประเทศอย่างยิ่งใหญ่)

ขยายตลาดได้เร็วที่สุดในโลก มีศูนย์กระจายสินค้ากว่า 190 ประเทศ

มีสาขาของบริษัทที่เปิดตัวจริง มีสำนักงานจริง อย่างเป็นทางการกว่า 110 ประเทศ

บริษัทได้ลงทุนก่อตั้งมหาวิทยาลัยของตัวเอง ด้วยเงินลงทุน 22,000 ล้านบาท  ปัจจุบัน บริษัทได้เจริญเติบโตอย่างมั่นคง และ “ทฤษฎีซุปเปอร์มาเก็ตแนวใหม่”
ชื่อว่า Banner Store ซึ่งเป็นห้าง ซุปเปอร์มาเก็ตของบริษัท มีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่โดยขนาดใหญ่ (เท่า Tesco lotus) จะสร้างให้ครบ 4,000 สาขาทั่วโลก (สินค้ามากกว่า 10,000 รายการ)
และซุปเปอร์มาเก็ตเล็ก (เท่า 7-11) จะสร้างให้มีมากกว่า 30,000 สาขาทั่วโลก (สินค้ามากกว่า 3,000 รายการ)

ผลการวิจัย ในปี 2538 เพื่อศึกษาสารพิษตกค้างในผักและผลไม้

     พบว่าผัก 10 ประเภทในจำนวน 365 ตัวอย่างมีการตกค้างของสารพิษชนิดต่างๆถึง135ตัวอย่าง
และมีหลายชนิดพบว่าเกินมาตรฐานความปลอดภัยขององค์การ อนามัยโลก ผักคะน้า พบสารพิษมากที่สุดเกินค่าความปลอดภัย 19.7% ของตัวอย่าง 20 ชนิด รองลงมาถั่วฝักยาว จากตัวอย่าง 7 ชนิดพบ 10% เกินค่าความปลอดภัยและผลไม้ครองแชมป์ได้แก่ ส้มจาก 70 ตัวอย่าง พบสารพิษตกค้าง 73%และ 16% เกินค่าความปลอดภัย.

   แม้ ว่าทาง กทม.จะเข้มงวดในการห้ามพ่อค้าแม่ค้าผัก นำผักที่มีสารพิษและสารเคมีตกค้างเข้ามาจำหน่ายใน กทม.ใช่ว่าจะปลอดภัย100%และผักที่จำหน่ายในห้างซูปเปอร์มาเก็ตที่มีฉลากติดว่าผักปลอดสารพิษก็เหมือนกันไม่ปลอดภัยถึงร้อยเปอร์เซ็น ปราศจากสารเคมีตกค้าง, สารพิษและสารปนเปื้อนยังมีผักที่มีสารพิษตกค้างอาจเล็ดลอดเข้ามาจำหน่าย

     นอกจากว่าท่านจะปลูกเองกับมือและอีกทางเลือกหนึ่งก็คือการฆ่าเชื้อโรคต่างๆ จำพวกไวรัส, แบคทีเรีย กำจัดสารพิษและสารเคมีตกค้างด้วยโอโซนได้ผลและพิสูจน์ได้จึงนิยมใช้เครื่องผลิตโอโซนกันมากขึ้นเรื่อยๆ ต่างจากสมัยก่อนคนยังไม่รู้จักใช้. 

     นอกจากในพึชผักและผลไม้จะมีสารตกค้างในน้ำอาจจะมีเชื้อโรค,ไวรัสและแบคทีเรียสังเกตุได้ที่ขวดน้ำดื่ม จะพิมพ์คำว่า"ผ่านการฆ่าเชื้อด้วยแสงอุลตร้าไวโอเลตและโอโซน"หมายความว่าเชื้อโรคบางอย่างไม่สามารถฆ่า ได้

ตรวจสอบสารตกค้างในผัก จากรายการ ข่าว 3 มิติ

มาตรการตรวจสอบสารตกค้างในผักสด จากรายการไทยทีวี

พบแล้ว! เชื้อ “ซัลโมเนลลา” ต้นเหตุนักเรียนศึกษาสงเคราะห์เชียงใหม่ป่วยระนาว

   ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - นายแพทย์ สสจ.เผยผลตรวจยืนยันเชื้อ “ซัลโมเนลลา” ต้นเหตุ นร.ศึกษาสงเคราะห์อาหารเป็นพิษ ส่วนสถานการณ์ล่าสุดส่งเด็กส่วนใหญ่กลับบ้านได้แล้วเหลืออีก 136 คนเข้ารักษาตัวใน รพ. พร้อมปิดจุดดูแลผู้ป่วยใน ร.ร.แล้วหลังมั่นใจคุมสถานการณ์ได้-ไม่น่ามีผู้ป่วยเพิ่ม เผย 11 ก.ค. เตรียมแถลงข่าวความคืบหน้าอีกครั้ง

              นายแพทย์วัฒนา กาญจนกามล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยถึงสถานการณ์ล่าสุดกรณีการเจ็บป่วยจากอาหารเป็นพิษของนักเรียนโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ กว่า 400 คนว่า ผลจากการตรวจเพาะเชื้อจากอุจจาระของผู้ป่วย พบว่ามีเชื้อซัลโมเนลลาตามที่ได้สันนิษฐานไว้ จึงเชื่อได้ว่าเชื้อดังกล่าวเป็นต้นเหตุที่ทำให้นักเรียนจำนวนมากเกิดการเจ็บป่วยขึ้น              ส่วนสถานการณ์ล่าสุดของกลุ่มผู้ป่วย ซึ่งในขณะนี้มีทั้งที่เข้ารับการรักษาตามโรงพยาบาลต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ พักรอดูอาการที่จุดดูแลผู้ป่วยภายในโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ และอีกส่วนหนึ่งได้รับอนุญาตจากแพทย์ให้กลับไปพักรักษาตัวที่บ้านนั้น จากข้อมูลล่าสุดพบว่ามีนักเรียนป่วยรวมทั้งสิ้น 470 คน โดยแบ่งกลุ่มที่อาการดีขึ้นและได้รับอนุญาตให้กลับไปรักษาตัวที่บ้านแล้ว 334 คน ส่วนอีก 136 คนนั้นขณะนี้ได้ส่งเข้ารับการรักษาและดูอาการตามโรงพยาบาลต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่แล้วทั้งหมด              พร้อมกับได้ปิดจุดคัดกรองและดูแลผู้ป่วยภายในโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ลงแล้ว เนื่องจากประเมินว่าสถานการณ์ในขณะนี้อยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ รวมทั้งไม่น่าจะมีผู้ป่วยจากอาการอาหารเป็นพิษรายใหม่เพิ่มขึ้นอีกแล้ว หลังจากที่ตลอดทั้งช่วงบ่ายที่ผ่านมา พบว่ามีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีกเพียง 2 รายเท่านั้น              นายแพทย์วัฒนากล่าวต่อไปว่า ตลอดทั้งคืนนี้การติดตามสถานการณ์อาการป่วยจะเน้นหนักไปที่การดูแลกลุ่มผู้ป่วยทั้ง 136 คนที่เข้ารักษาตัวตามโรงพยาบาลต่างๆ และในวันพรุ่งนี้ (11 ก.ค.) จะมีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเพื่อสรุปสถานการณ์ล่าสุดอีกครั้งหนึ่ง              นอกจากนี้ นายแพทย์วัฒนา ยังเปิดเผยด้วยว่า ได้ทราบสาเหตุของการเจ็บป่วยของนักเรียนโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ในครั้งนี้แล้ว              โดยส่วนกรณีที่มีข้อมูลระบุว่าการเกิดเหตุอาหารเป็นพิษในครั้งนี้มาจากการรับประทานไข่ต้มที่มีผู้นำมาบริจาคให้กับทางโรงเรียน และไข่ต้มจำนวนมากนี้ยังถูกบริจาคไปยังโรงเรียนและสถานสงเคราะห์อื่นๆ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดเหตุอาหารเป็นพิษเช่นเดียวกับที่โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์นั้น นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ชี้แจงว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ออกตรวจสอบหน่วยงานทั้ง 9 หน่วย ซึ่งมีรายงานว่าได้รับบริจาคไข่ต้มชุดเดียวกับที่โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ได้รับแล้ว พบว่าบางแห่งเมื่อได้รับไข่มาแล้วได้นำมาต้มซ้ำก่อนนำไปรับประทาน              ส่วนบางแห่งมีการรับประทานไปแล้วแต่ไม่มากนัก ทั้งนี้ ยังไม่พบว่ามีผู้ป่วยหนักจากหน่วยงานเหล่านี้แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ได้แนะนำไปยังหน่วยงานทั้งหมดงดรับประทานไข่ที่ยังเหลือและให้นำไปทิ้งทั้งหมดแล้ว

ซาโมเเนลล่า (Samonella) ปกติจะติดเชื้อในเนื้อไก่ แต่เดี๋ยวนี้มันสามารถติดมากับผักค่างๆเช่นถั่วงอกโดยเฉพาะถั่วที่ผ่านการฟอกสี สังเกจง่ายๆมันจะมีสีขาวจั๊วะผิดจากถั่วงอกที่ไม่ผ่านการฟอกสีจะดูไม่สวยงามจะมีสีคล้ำนิดๆแต่ปลอดภัย 

   นอกจากจะมีสารตกค้างอาจจะติดเชื้อซามอแนลล่ามาด้วย แม้จะล้างน้ำด้วยด่างทับทิมก็ไม่สามารถช่วยให้ สารตกค้าง สารปนเปื้อนและเชื้อโรคหมดไปได้ เมื่อนำมาปรุงอาหารหรือทานดิบๆ เมื่อทานเข้าไปมากๆมันจะทำให้ท้องเสีย 

แต่ถ้ามีเชื้อซาโมแนลล่ามากๆจะทำเชื้อฟักตัวถ้าขึ้นสมองอาจทำ ให้เสียชีวิต

ทาง อย.ได้ตรวจพบและประกาศเตือนประชาชนให้ระวังอย่ารับประทานดิบๆควรทำให้ศุกก่อน. แต่ว่าสารเคมีตกค้างยังคงหลงเหลืออยู่เพื่อความปลอดภัยจะต้องผ่านการฆ่าเชื้อโรคด้วย โอโซน จึงจะปลอดภัย ที่แนะนำให้โอโซนมิได้หวังโฆษณาขายสินค้าหากเป็นการแนะนำให้รู้จักคุณประโยชน์ของโอโซนมีบทบาทต่อชีวิตประจำวัน และมันก็มีคุณโทษเหมือนกันหากโดยเฉพาะถ้าสูตดมโอโซนโดยตรงและอย.(FDA)ของอเมริกาได้แนะนำใช้ไม่เกินพิกัดที่ 0.05 พี พี เอ็ม หรือเศษส่วนล้าน.

การป้องกันและควบคุมโรค

     1.  กำจัดสิ่งโสโครก สิ่งขับถ่าย และรักษาแหล่งน้ำใสสะอาด

     2.  เก็บรักษาอาหารในตู้เย็น รวมทั้งน้ำนมและผลิตภัณฑ์จากนมต้องผ่านกระบวนการพาสเจอร์ไรเซชัน

     3.  ห้ามผู้เป็นพาหะของโรคสัมผัสหรือประกอบอาหาร

     4.  ให้ความรู้เกี่ยวกับสุขอนามัยส่วนบุคคล หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ชุมชนแออัดและ   ภาวะทุพโภชนาการ

     5.  ระมัดระวังการเตรียมอาหารต้องให้สะอาดโดยเฉพาะในสถานรับเลี้ยงเด็กและทารกเนื่องจากคนที่เป็นพาหะนำโรค มีบทบาทในการแพร่กระจายโรค จึงต้องป้องกันและกำจัดพาหะนำโรค เพื่อควบคุมโรคซึ่งทำได้โดย

            1.การตรวจหาผู้เป็นพาหะนำโรค ทั้งที่เป็นผู้ป่วยเองหรือผู้สัมผัสกับผู้ป่วย

            2.รักษาผู้ป่วยและพาหะนำโรคโดยเคร่งครัดและต่อเนื่องด้วยยา

            3.เมื่อรักษาผู้เป็นพาหะเป็นเวลานานแล้วไม่ได้ผล ให้ผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออกร่วมกับการรักษาทางยา

      6. ใช้เครื่องผลิตโอโซน เพื่อทำลายเชื้อแบคทีเรียก่อนนำวัตถุดิบต่างๆ เช่น หมู,ไก่,เนื้อ,อาหารทะเล,ผัก,ผลไม้ ไปประกอบอาหาร